ต้องยอมรับว่าปัญหาส่วนที่เกิดขึ้นนั้นมีความเกี่ยวข้องกับคน ทั้งในระดับชุมชน สังคม ภายในประเทศ ไปจนถึงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาช่องว่างระหว่างวัย ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาสิทธิมนุษยชน ปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาใหญ่อยู่ ณ ปัจจุบัน แต่ทุกปัญหาจะถูกแก้ไขได้หากเรารับฟัง ทำความเข้าใจ ลงมือแก้ไข และสร้างการเปลี่ยนแปลง
GSSE (Bachelor of Arts in Global Studies and Social Entrepreneurship) โลกคดีศึกษาและการประกอบการสังคมเป็นคณะหนึ่งที่มีหมุดหมายเพื่อสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคมผ่านการบ่มเพาะนักศึกษาให้เป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าคณะนี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร นั่นจึงเป็นหนึ่งเหตุผลให้ทาง Warwick Institute จัดงานสัมมนา GSSE Open House ขึ้นในวันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยภายในงานได้รับเกียรติจากคณบดี ผศ.ดร.ประภาภรณ์ ติวยานนท์ มงคลวนิช, Dr. Dipendra K.C. ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ และ อาจารย์ Istvan Rado ผู้อำนวยการหลักสูตร ร่วมด้วยพี่บัณฑิตอย่าง พี่จีโน่ – มาฆวีร์ สุขวัฒโน และ พี่เต็ม – สุชาติ นิหะ พร้อมทั้งรุ่นพี่ปี 2 พี่ภัค – แก้วกัญญาภัค รักษาสุทธิพันธ์ ที่จะมาตีแผ่ข้อมูลของคณะแบบครบและจบในที่เดียว

GSSE สอนเกี่ยวกับอะไร
การจะสร้างนักศึกษาให้เป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ ต้องเริ่มจากความเข้าใจเพื่อนมนุษย์ รู้ถึงแก่นของปัญหาด้วยหลักจิตวิทยา จากนั้นจึงจะแก้ไขด้วยนวัตกรรมสังคม และสร้างจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นคณะนี้จึงไม่ได้มุ่งเน้นการสอนเชิงวิชาชีพ ไม่ได้สอนให้เป็นหมอ นักวิทยาศาสตร์ ครู นักบัญชี วิศวกร หรือสถาปนิก แต่จะผลักดันให้นักศึกษาได้เรียนรู้แบบสหวิทยาการผ่านทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ยกตัวอย่างเช่น การสื่อสาร, การจัดสรรเวลา, ความเป็นผู้นำ, การทำงานเป็นทีม, การแก้ปัญหา และการคิดวิเคราะห์ ที่เป็นทักษะสำคัญในการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ในยุคปัจจุบัน ซึ่งทุกคนจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงผ่านการลงพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน รวมทั้งสอนองค์ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์และการประกอบธุรกิจควบคู่ไปด้วย ซึ่งบัณฑิตจะสามารถนำไปต่อยอดและเติบโตไปพร้อมกับสังคมในอนาคตได้
โปรแกรมนี้เหมาะกับใคร
โปรแกรมนี้จัดตั้งขึ้นมาสำหรับนักศึกษาที่ต้องการสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคม สร้างแรงกระเพื่อมในการตระหนักรู้ถึงปัญหาต่าง ๆ แล้วอยากแก้ไขและพัฒนาสิ่งเหล่านั้นให้ดีขึ้น อยากเป็นผู้นำในบริบทนานาชาติ หรืออยากสร้างธุรกิจเพื่อสังคมก็เหมาะที่จะเรียนที่นี่ เพราะก่อนที่เราจะปรับสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เราต้องเริ่มต้นเปลี่ยนที่ตัวเองก่อน และ GSSE จะช่วยสนับสนุนให้ทุกคนไปถึงเป้าหมายนั้นได้อย่างแน่นอน

GSSE ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
สิ่งหนึ่งที่คณะนี้มีไม่เหมือนคณะอื่นนั่นก็คือก่อนเปิดภาคเรียนแรกของนักศึกษาใหม่จะมี Summer Pre-Program ให้ทุกคนได้มาทำความรู้จักกันก่อนเริ่มเรียนจริง การเรียนการสอนไม่เน้นการจดเลคเชอร์ แต่จะเป็นการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง (Project Based-learning) เพื่อสร้างทักษะต่าง ๆ ที่หาไม่ได้จากในห้องเรียน ได้รับประสบการณ์ตรงในทุกภาคเรียนผ่านการลงภาคสนามไปใช้ชีวิตกับชุมชนและสังคมจริง ๆ เจอปัญหาจริง ได้ลองแก้ปัญหาด้วยตัวเอง พร้อมทั้งได้ร่วมงานกับกับองค์กรชั้นนำหลากหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น องค์กรสหประชาชาติ (United Nations), Unicef, Unesco, ThaiBev บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด, PTT บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), NIA สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ, SET ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ SCG บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ที่สำคัญหลังจากที่นักศึกษาเรียนจบ ทุกคนจะมีโอกาสได้ประเมินตนเองว่าหลังจากเรียนแล้วตนรู้สึกอย่างไร ได้เรียนรู้อะไรจาก GSSE บ้าง อีกทั้งสามารถแสดงความคิดเห็นที่มีต่ออาจารย์ รายวิชา และการเรียนการสอนได้ด้วย เพื่อที่ทางคณะจะนำไปพัฒนา ปรับปรุงและประยุกต์และปรับใช้กับหลักสูตรให้กับน้อง ๆ รุ่นต่อไปด้วย

จบไปแล้วทำงานอะไร
องค์ความรู้และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จะทำให้นักศึกษาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ดีสามารถประยุกต์ใช้สิ่งที่ตนเองมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายคนอาจเข้าไปทำงานในองค์การระดับโลก อาทิ องค์การสหประชาติ (United Nation) เป็นที่ปรึกษาในบริษัทเอกชน หรือทำงานในหน่วยงานราชการ เพราะทุกคนล้วนมีประสบการณ์ตรงในการแก้ปัญหารอบด้าน และบางคนอาจสร้างธุรกิจเพื่อสังคมในรูปแบบของตนเองขึ้นมาก็ได้

Admission Requirement เป็นอย่างไร
GSSE มีเกณฑ์การคัดเลือกต่างจากคณะอื่นตรงที่ทางคณะจะไม่นำคะแนนทุกอันมารวมกันแล้วแบ่งสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ แต่จะคัดเลือกคนที่ผ่านเกณฑ์ขึ้นต่ำและส่ง Requirement ครบทั้ง 4 อย่างอันได้แก่
1) GPAX ขั้นต่ำ 2.5
2) English Proficiency เพียงมีคะแนน IELTS 6.0+, TU-GET PBT 500+ หรือ TOEFL IBT 61+
3) Portfolio ที่แสดงความเป็นตัวเองให้มากที่สุด
4) Statement of Purpose (SOP) เขียนแนะนำตัวเองและอธิบายให้ได้ว่าทำไมเราถึงควรเป็นคนที่ถูกเลือก
เมื่อส่ง Requirement ครบทั้ง 4 อย่างแล้ว ก็จะได้ไปต่อในส่วนของการสัมภาษณ์ที่คิดเป็นคะแนน 100 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นด่านสุดท้ายก่อนเปิดประตูไปนั่งใน GSSE จะเห็นได้ว่าคะแนนภาษาอังกฤษทางคณะต้องการแค่เพียงคะแนนผ่านเกณฑ์ ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทุ่มเทก็คือ ตั้งใจทำ Portfolio, Statement of Purpose (SOP) และเตรียมตัวการสอบสัมภาษณ์อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นตัวจริงใน GSSE Thammasat
น้อง ๆ คนไหนอยากเป็นเด็ก GSSE ว่าที่ผู้นำการเปลี่ยนแปลง ติดต่อได้ที่ Warwick Institute 02-658-4880 หรือ LINE: @warwick
