เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2562 ได้มีการจัดสัมนาในหัวข้อ “โค้ชลูกอย่างไรให้เอนท์ติดโปรแกรมอินเตอร์ฯ จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์” ณ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้นำผลการศึกษาครอบครัวที่ประสบความสำเร็จในการส่งลูกให้เอนท์ติดจุฬาฯ ธรรมศาสตร์กว่า 4,000 ครอบครัว เพื่อหาลักษณะของครอบครัวที่แข็งแรงและครอบครัวที่อ่อนแอ แม้ทั้งสองกลุ่มจะไปถึงจุดหมายสุดท้ายได้เหมือนกัน แต่หนทางที่ลูกต้องฝ่าฟันไปนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งหมดก็อยู่ที่ตัวพ่อแม่ผู้ปกครองเองว่าจะเลือกให้ลูกเดินไปถึงเส้นชัยในแบบไหน และพร้อมที่จะเป็นทีมเดียวกับลูกเพื่อสร้างครอบครัวที่แข็งแรงได้อย่างไรในโค้งสุดท้ายนี้

ครอบครัวที่แข็งแรงจะเต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ กำลังใจ เรียกได้ว่าเป็นทีมเวิร์กแบบดรีมทีม ที่มาพร้อม fully support ร่วมสู้ไปด้วยกันทั้งครอบครัว จัดเต็มให้ทั้งความเข้าใจ กำลังใจ สนับสนุนทั้งคำพูด การสร้างบรรยากาศที่ดีในบ้าน การดูแลทางโภชนาการและการพักผ่อน ครอบครัวเช่นนี้จะให้พูดชัด ๆ ไปเลยก็ยังได้ว่าถึงผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ลูกก็จะมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงในการรับมือทั้งบวกและลบได้เป็นอย่างดีแน่อยู่แล้ว แต่ก็พูดชัด ๆ ได้อีกเช่นกันว่าครอบครัวลักษณะนี้ปลายทางมักจะประสบความสำเร็จด้วยดีตามที่คาดไม่ค่อยพลาดจากสิ่งที่หวัง
ในขณะที่ครอบครัวที่อ่อนแอมักจะขาดในเรื่องของการสนับสนุน เอาใจใส่ และการดูแลโดยเฉพาะทางด้านจิตใจไปบ้าง สายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกไม่แน่นหนาพอที่จะสร้างความไว้วางใจและความสบายใจให้เกิดขึ้นได้ ด้วยเงื่อนไขทางด้านเวลาที่พ่อแม่ต้องทำงานและใช้เรื่องนั้นเป็นข้ออ้างว่า การสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือ TCAS เป็นเรื่องของเด็ก หากเด็กเอนท์ไม่ติดก็เป็นความผิดของเด็ก ดีนั้นเมื่อเด็กสอบได้คะแนนไม่ดีเค้าก็ไม่รู้จะไปหาใคร บางคนถึงขั้นล้มเลิกความฝันที่จะเข้าจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ไปเลย
ลองนึกภาพกันดูก็คงพอจะรู้ว่าระหว่างทางการเตรียมตัวจนถึงช่วงเวลาการก้าวเข้าสู่สนามสอบของลูกที่มาจากครอบครัวแบบไหนจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิมและกำลังใจมากกว่ากัน ถึงแม้ลูกอาจจะหัวดี เรียนดี หรือมีความพยายามที่หนักหน่วงมากจนคว้าสิทธิในการเรียนคณะที่ต้องการมาครองจนได้ แต่เมื่อพิจารณาจากตลอดทางที่เต็มไปด้วยความเครียด บ่อยครั้งที่ต้องเสียน้ำตาโดยไร้คำปลอบใจ สภาพจิตใจของเด็กจากครอบครัวสองแบบย่อมต่างกันอย่างแน่นอน
ทีนี้ถ้าอยากจะรู้กันให้ลึกลงไปอีกว่า อะไรที่ทำให้เกิดความแตกต่าง เรื่องนี้พิจารณาได้จากปัจจัยสำคัญ 4 ประการ ที่จะเป็นเครื่องมือช่วยสร้างสถาบันครอบครัวที่แข็งแกร่ง ซึ่งถือเป็นรากฐานความสำเร็จที่มาพร้อมความสุขให้กับเด็กต่อไปในอนาคต
- 1. Safe Space เมื่อครอบครัวคือพื้นที่ปลอดภัยที่ไม่ว่ามีสุขหรือทุกข์ หรือมีปัญหาอะไรลูกก็จะเข้าไปคุยกับพ่อแม่ได้อย่างปลอดภัยและสบายใจได้เสมอ
- 2. Freedom ครอบครัวที่เปิดโอกาสให้ลูกได้ค้นหาความฝันและสิ่งที่ชอบได้อย่างอิสระ ปรึกษากันได้แบบไม่ครอบงำและปิดกั้น
- 3. Believe ครอบครัวที่เข้าใจในความฝันและเชื่อมั่นในศักยภาพของลูก ไม่เปรียบเทียบ ไม่ใช้เกณฑ์อคติใด ๆ เข้าไปวัดและตัดสิน
- 4. Balance between Challenge & Support ครอบครัวที่รู้จักสร้างสมดุล รู้จักเวลาที่เหมาะสมว่าเมื่อไรควรยื่นมือเข้าช่วยเหลือ และเมื่อไรควรปล่อยให้ลูกเผชิญกับอุปสรรคและหาทางแก้ด้วยตนเอง

ถ้าครอบครัวไหนมั่นใจว่ามีครบทั้ง 4 ประการนี้จะ SAT Math Full Mark, SAT Verbal 650+, IELTS ระดับ 7 หรือเกณฑ์วัดใดๆ ที่จะทำให้สอบผ่านเข้าเรียนคณะโปรแกรมอินเตอร์ฯ จุฬา-ธรรมศาสตร์ได้ตามใจฝัน ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปอย่างแน่นอน